ในเมื่อชีวิตขาดหวานไม่ได้ ก็ต้องเลือกทานให้พอดี
เมื่อพูดว่า “อ้วน” หลายๆ คนคงไม่อยากจะได้ยินคำนี้กันสักเท่าไหร่ โดยส่วนหนึ่งของความอ้วนมาจากพฤติกรรมการทานของแต่ละคนนั่นเอง
และสาเหตุที่ทำให้เกิดความอ้วนอีกส่วนหนึ่งมาจากการชอบทานอาหารที่มีรสชาติหวานค่ะ ซึ่งจากการวิจัยและศึกษาเรื่องพฤติกรรม การรับประทานอาหารและน้ำของคนไทยล่าสุด จากมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ (มสช.) พบว่า คนไทยติดรับประทานหวานมากขึ้น เฉลี่ยรับประทานน้ำตาลกว่า 29 กิโลกรัม/ ปี หรือ 18 ช้อนชา/วัน ทำให้เกิดโรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูงและไขมันในเลือดสูง มากขึ้นกว่า 30% เลยทีเดียว
ทำให้น่าสังเกตว่า วันหนึ่งคนเราเติมน้ำตาลลงเครื่องดื่มหรืออาหารกี่ช้อนชา ซึ่งปกติคนทั่วไปควรได้รับน้ำตาลไม่เกินวันละ 4-8 ช้อนชา ยิ่งถ้าเป็นเด็กวัยเรียน ผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุด้วยแล้วไม่ควรเกินวันละ 3 ช้อนชา แต่ถ้าจะให้งดทานหวานไปเลยก็คงทำได้ยาก
ในเมื่อไม่สามารถงดทานหวานกันได้ ทางพิชชามีทเลยอยากพาทุกท่านไปรู้จักกับความหวานชนิดต่างๆ ที่สามารถเลือกทานได้นอกจากจะดีต่อสุขภาพแล้วแถมยังให้ประโยชน์ต่อร่างกายแบบที่เรียกได้ว่า “เติมหวานได้แต่ไม่ทำร้ายสุขภาพ” ไม่ให้เสียเวลามาทำความรู้จักคุณค่าน้ำตาลและความหวานกันดีกว่าค่ะ
นอกจากนี้แหล่งน้ำตาลยังมีทั้งที่มาจากพืชและสัตว์ด้วยนะคะ โดยแหล่งน้ำตาลของพืชจะเป็นพืชที่มีหัว ซึ่งปริมาณน้ำตาลที่ได้จะแตกต่างกัน นอกจากนี้ยังมีสารอาหารอื่นปนอยู่ด้วยเช่น โปรตีน ไขมัน วิตามิน แร่ธาตุ ส่วนพืชที่ให้น้ำตาล ได้แก่ ข้าวชนิดต่างๆ เผือก มัน ข้าวโพด อ้อย ตาล มะพร้าว ส่วนแหล่งน้ำตาลจากสัตว์ จะเป็นน้ำตาลในนมและไกลโคเจนที่เป็นพลังานสำรองในส่วนกล้ามเนื้อและตับ และเมื่อเทียบกันแล้วความหวานและปริมาณน้ำตาลจากสัตว์นั้นจะมีน้อยกว่าพืชค่ะ
เมื่อทราบแบบนี้แล้ว ทุกคนจะต้องกะปริมาณน้ำตาลให้ดีต่อสุขภาพกันด้วยนะคะ โดยเฉพาะคนที่เป็นโรคเบาหวาน โรคอ้วนหรือความดันโลหิตสูง ยิ่งต้องระวังและมีเป้าหมายในการรักษาจากการดูแลเรื่องโภชนาการ เพื่อรักษาระดับน้ำตาลให้ใกล้เคียงปกติเท่าที่จะทำได้ รักษาระดับไขมันในเลือดให้เหมาะสม รักษาน้ำหนักตัวและป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่างๆ พร้อมออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอด้วยนะคะ พิชชามีทเป็นห่วงนะคะ ??