การลดน้ำหนัก เพื่อให้มีรูปร่างที่ดีขึ้น และรักษาสุขภาพให้แข็งแรงในระยะยาว สามารถเริ่มได้ง่าย ๆ ด้วยการออกกำลังกาย และควบคุมอาหารในแต่ละมื้อ เนื่องจาก อาหารที่รับประทานอยู่ในแต่ละวัน อาจเต็มไปด้วยไขมัน และน้ำตาลที่มากเกินความจำเป็น รวมถึงเลือกรับประทานเนื้อสัตว์ที่มีปริมาณไขมันเยอะ และคาร์โบไฮเดรตในปริมาณมาก จนร่างกายเปลี่ยนเป็นน้ำตาล
ดังนั้น สำหรับใครที่กำลังอยู่ในช่วงลดน้ำหนัก และกังวลว่าจะรับประทานหมูได้หรือไม่ ในบทความนี้ พิชชามีท ขอพาทุกคนมาเจาะลึกโภชนาการของเนื้อหมูในแต่ละส่วน พร้อมกับแนะนำประโยชน์ของหมูที่น่าสนใจ เพื่อให้ง่ายต่อการคัดสรรวัตถุดิบในแต่ละมื้อ หากพร้อมแล้ว เราไปดูกันได้เลย
แชร์ 3 ประโยชน์ของเนื้อหมู คุณค่าทางอาหารที่ไม่ควรมองข้าม
แม้ว่าหลายคนจะคิดว่า หมูเป็นเนื้อสัตว์ที่เต็มไปด้วยไขมันแทรกเต็มไปหมด ทำให้ไม่ดีต่อสุขภาพเท่ากับเนื้อปลา เนื้อเป็ด หรืออกไก่ ซึ่งมีปริมาณไขมันน้อยกว่า แต่ในความเป็นจริงแล้ว หมูแต่ละส่วนนั้นเต็มไปด้วยคุณประโยชน์ ที่ดีต่อร่างกายมากมาย ไม่ว่าจะเป็น
1. อุดมไปด้วยโปรตีน
รู้หรือไม่? โปรตีน เป็นสารอาหารที่สำคัญต่อร่างกาย ทำให้การรับประทานหมูช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย และสร้างกล้ามเนื้อ ทั้งยังช่วยในการสร้างเส้นใยคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น แข็งแรง และปกป้องริ้วรอยก่อนวัยอันควร
นอกจากนี้ การรับประทานหมูในปริมาณที่พอเหมาะ ยังช่วยสร้างแหล่งพลังงานสำรองของร่างกาย และกระตุ้นให้เอนไซม์ หรือน้ำย่อยต่าง ๆ ทำงานได้ดี ทำให้การย่อย และดูดซึมสารอาหารในแต่ละมื้อมีประสิทธิภาพมากขึ้น
2. ช่วยดูแลสุขภาพ
การเลือกชิ้นส่วนหมูที่มีปริมาณไขมันน้อย อย่าง หมูสันใน ไม่ได้ช่วยเสริมโปรตีนในร่างกายเพียงเท่านั้น แต่ยังช่วยควบคุมพลังงานที่ได้รับ และลดการสะสมของไขมันส่วนเกิน ตอบโจทย์ผู้ที่กำลังไดเอต หรือต้องการควบคุมอาหาร เพื่อดูแลสุขภาพในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่ต้องควบคุมอาหาร เพื่อรักษาโรคต่าง ๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคไต และความดันโลหิตสูง ที่จำเป็นต้องจำกัดการบริโภคโปรตีน และอาหารที่มีไขมันให้น้อยลง การรับประทานหมูในปริมาณเหมาะสม จะช่วยลดความเสี่ยงต่อสุขภาพ รวมถึงภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นอีกด้วย
3. แหล่งรวมสารอาหารชั้นดี
นอกจากที่เนื้อหมูจะอุดมไปด้วยโปรตีนแล้ว ยังเป็นแหล่งรวมสารอาหารชั้นดี ที่มากกว่าการรับประทานอาหารเสริม ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการบำรุงร่างกาย และขับของเสียออกจากร่างกาย เช่น
- วิตามินบี 1: ช่วยในการทำงานของระบบประสาท และกล้ามเนื้อ รวมถึงป้องกันโรคเหน็บชาได้ดี
- วิตามินเอ: เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน จำเป็นต่อการเจริญเติบโต และการทำงานของส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย รวมถึงดวงตา ผิวหนัง และระบบภูมิคุ้มกัน ทั้งยังมีความสำคัญต่อการเจริญพันธุ์ และพัฒนาการของทารกในครรภ์อีกด้วย
- ฟอสฟอรัส: เป็นแร่ธาตุชนิดหนึ่ง ที่มีความสำคัญต่อร่างกาย ช่วยในการควบคุมระบบประสาท และกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อหัวใจ
- ไนอาซิน หรือวิตามินบี 3: ช่วยบำรุงสุขภาพผิวหนังให้แข็งแรง และมีบทบาทสำคัญในกระบวนการเมตาบอลิซึม รวมถึงกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทและสมอง
ทั้งนี้ สำหรับใครที่กำลังมองหาเนื้อหมูคุณภาพดี และเต็มไปด้วยสารอาหารครบถ้วน ขอแนะนำ พิชชามีท ผู้จัดจำหน่ายสินค้าหมูสดคุณภาพสูง ที่ผ่านมาตรฐาน GHPs และ HACCP ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าวัตถุดิบหมูทุกส่วนจากเรา มีความปลอดภัย ได้รับการดูแล และตรวจสอบในกระบวนการเข้มงวด เพื่อให้คุณได้นำวัตถุดิบที่ดีที่สุด ไปปรุงเมนูให้อร่อย และดูแลสุขภาพไปพร้อมกัน
เจาะลึก โภชนาการของเนื้อหมูแต่ละส่วน ที่คนรักสุขภาพควรรู้
หลังจากที่ได้ทำความเข้าใจ ถึงประโยชน์ของการรับประทานหมูกันไปแล้ว คราวนี้ลองมาดูกันบ้างว่า เนื้อหมูแต่ละส่วน มีคุณค่าทางโภชนาการเท่าไหร่บ้าง เพื่อให้การเลือกชิ้นส่วนหมูมาประกอบอาหาร เป็นเรื่องที่ง่ายยิ่งขึ้น จะมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง เรามาดูกันได้เลย
-
หมูสันใน
หมูสันใน เป็นเนื้อที่ไม่มีมันแทรก และเป็นเนื้อที่มีความนุ่ม ทำให้สามารถรังสรรค์อาหารได้หลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็น ทอด ต้ม หรือนึ่ง แต่อาจไม่เหมาะกับการนำไปตุ๋น เพราะหากเคี่ยวนานจนเกินไป ก็อาจทำให้เนื้อยุ่ยเปื่อยเกินความจำเป็น
ทั้งนี้ เมื่อคิดจากปริมาณ 100 กรัมแล้ว หมูสันในมีโปรตีน 22 กรัม และไขมัน 2.8 กรัม ให้พลังงานทั้งหมด 122 กิโลแคลอรี ทำให้เป็นชิ้นส่วนที่เหมาะกับผู้ที่กำลังลดน้ำหนัก หรือควบคุมอาหารอย่างยิ่ง เพราะมีปริมาณไขมันน้อยที่สุด
-
หมูสันนอก
หมูสันนอก เป็นส่วนที่ติดกับซี่โครงหมู ทำให้มีไขมันแทรกอยู่ในระดับหนึ่ง แต่ไม่มากจนเกินไป และมีความนุ่มอยู่ในตัว เหมาะกับการประกอบอาหารหลายเมนู เช่น สเต๊กหมู หมูทอด หรือนำไปรมควัน ทั้งนี้ ก่อนนำไปปรุงควรหมักก่อน เพื่อให้หมูสันนอกมีรสชาติดียิ่งขึ้น
หากคิดจากปริมาณ 100 กรัม หมูสันนอกมีโปรตีน 19 กรัม และไขมัน 5 กรัม ให้พลังงานทั้งหมด 136 กิโลแคลอรี ซึ่งถือเป็นปริมาณที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ไม่ได้ควบคุมอาหาร แต่ยังต้องการรับประทานเนื้อสัตว์ โดยไม่มีปริมาณไขมันเยอะจนเกินไป หรือคนควบคุมน้ำหนัก ที่อยากทานเนื้อสัตว์ในวันชีตเดย์ (Cheat Day)
-
หมูสันคอ
สันคอ เป็นชิ้นส่วนที่อยู่บริเวณใกล้กับคอของหมู โดยเนื้อส่วนนี้มีมันแทรกอยู่ระหว่างชั้นเนื้อ ทำให้มีเนื้อสัมผัสค่อนข้างนุ่ม เมื่อเทียบกับชิ้นส่วนอื่น ๆ โดยปริมาณเนื้อหมู 100 กรัม สามารถให้โปรตีน 19 กรัม ไขมัน 13 กรัม และให้พลังงาน 195 กิโลแคลอรี ดังนั้น ควรรับประทานหมูสันคอ 1 มื้อต่อสัปดาห์เท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ปริมาณไขมันสะสมเยอะเกินความจำเป็น
-
หมูสามชั้น
หมูสามชั้น เป็นชิ้นส่วนหมูที่อยู่บริเวณท้องของหมู ประกอบไปด้วยชั้นไขมัน และเนื้อหมูสลับกันเป็นชั้น ๆ ทำให้มีรสชาติที่อร่อย กลมกล่อม แต่อาจมีปริมาณไขมันสูงเกินไป โดยหากคิดจากปริมาณ 100 กรัม หมูสามชั้นมีโปรตีน 15 กรัม ไขมัน 36.5 กรัม และให้พลังงาน 384 กิโลแคลอรี
อย่างไรก็ตาม หากต้องการรับประทานหมูสามชั้น ในช่วงที่กำลังควบคุมน้ำหนัก ควรรับประทานไม่เกิน 100 กรัม และไม่นำไปทอด หรือทำเมนูที่ต้องใช้น้ำมันเพิ่ม และปรุงรสด้วยเครื่องปรุงที่มีโซเดียมต่ำ พร้อมกับรับประทานควบคู่กับผักสด
-
เนื้อสะโพก
เนื้อสะโพก เป็นชิ้นส่วนที่อยู่บริเวณขาหลังของหมู ทำให้มีไขมันน้อย เนื่องจาก กล้ามเนื้อส่วนสะโพกมีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา เหมาะกับการทำอาหารแบบ Slow Cook หรือการทำให้อาหารสุก โดยใช้อุณหภูมิต่ำต่อเนื่อง เช่น การอบหรือตุ๋น โดยหากคิดจากปริมาณ 100 กรัม เนื้อสะโพกมีโปรตีน 10 กรัม และไขมัน 10.6 กรัม ให้พลังงานทั้งหมด 182 กิโลแคลอรี
-
ขาหมู
ปิดท้ายกันด้วยขาหมู ประกอบไปด้วยช่วงต้นขาถึงเหนือข้อ และส่วนเท้า ตั้งแต่ใต้ข้อลงมาถึงเท้าหมู ทำให้มีเนื้อสัมผัสนุ่ม และเปื่อยได้ง่าย เมื่อนำไปประกอบอาหารก็จะมีรสชาติอร่อยเข้มข้น ชวนให้รับประทานอาหารจนหมดจาน
ซึ่งหากคิดจากปริมาณ 100 กรัม ขาหมูจะมีโปรตีนทั้งหมด 15 กรัม และไขมัน 35.6 กรัม ให้พลังงานทั้งหมด 384 กิโลแคลอรี ดังนั้น หากอยู่ในช่วงที่กำลังลดน้ำหนัก และควบคุมปริมาณไขมันต่อวัน ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบเป็นขาหมู เช่น ข้าวขาหมู ขาหมูเยอรมัน และซุปที่นำขาหมูมาต้มจนเปื่อย เป็นต้น
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ การเจาะลึกโภชนาการของเนื้อหมูแต่ละชิ้นส่วน เพื่อให้การคัดเลือกวัตถุดิบต่าง ๆ ไปประกอบอาหารเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น หวังว่าบทความนี้ จะเป็นประโยชน์ให้กับผู้ที่กำลังควบคุมอาหาร และต้องการรับประทานโปรตีนให้เหมาะสม โดยสิ่งที่สำคัญไม่ต่างจากการคัดสรรชิ้นส่วนหมู คือ การรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ และไม่มากจนเกินไป เพื่อให้ร่างกายเผาผลาญโปรตีนได้ดียิ่งขึ้น
สุดท้ายนี้ หากใครที่กำลังมองหาเนื้อหมูคุณภาพดี สะอาด ปลอดภัย และผ่านการรับรองมาตรฐานระดับสากล ก็อย่าลืมเลือก พิชชามีท ผู้จัดจำหน่ายชิ้นส่วนหมู ที่มั่นใจได้ว่ารสชาติอร่อย และปลอดภัยจากสารปนเปื้อน หากสนใจสั่งซื้อ สามารถติดต่อเราได้ที่ Line: @pitchameat